ฮิปโปกริฟฟ์ ( Hippogriff )
ฮิปโปกริฟฟ์ (Hippogriff) เป็นสัตว์ครึ่งกริฟฟินครึ่งม้า หัว ปีก ขาหน้า และ เล็บเหมือนเหยี่ยวลำตัว และ ขาหลังเป็นม้า ( กริฟฟินเองเป็นสัตว์ลูกผสมระหว่าง อินทรี กับ สิงโต ) ความสามารถของฮิปโปกริฟฟ์ คือ บินระยะทางไกลที่ระดับสูงๆ ในภาษาเปอร์เซียนเรียกมันว่า simoorgh หรือ simurgh หรือ senmurv ซึ่งมีลักษณะผสมระหว่าง สุนัข หรือ สิงโต และ นกตัวใหญ่
โดยธรรมชาติกริฟฟิน และ ม้าเป็นศัตรูกัน ฮิปโปกริฟฟ์ซึ่งเป็นลุกผสมระหว่างสัตว์ทั้งสองจึงเป็นสัญลักษณ์ของการทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้ มีสำนวนโบราณเกี่ยวกับฮิปโปกริฟกล่าวว่า ข้ามหลังกริฟฟอนด้วยม้า ซึ่งหมายถึง ภารกิจที่ไม่น่าเป็นไปได้
ฮิปโปกริฟ เป็นสัตว์วิเศษตัวหนึ่งที่หลายคนเริ่มรู้จักเจ้าสัตว์ตัวนี้จากแฮร์รี่ พอตเตอร์ ตอน นักโทษแห่งอัซคาบัน ซึ่งมันได้รับบทบาทเป็นเจ้าบักกี้ (บัคบีค) ที่แสนน่ารักของแฮกริดนั่นเอง จากภาพบนหน้าปกของหนังสือและภาพเคลื่อนไหวจากจอภาพยนตร์ทำให้เราทราบอย่างคร่าวๆ แล้วว่า ฮิปโปกริฟคือสัตว์ที่มีตัวเป็นม้าและมีหัวเป็นนกอินทรี แต่คราวนี้แหละ จะนำเจ้าฮิปโปกริฟมาทำความรู้จักกับบรรดาผู้ที่รักและชื่นชอบสัตว์วิเศษให้ได้รู้จักกัน
ฮิปโปกริฟ หรือที่เขียนเป็นภาษาอังกฤษว่า Hippogriff หรือ Hippogryph (อ่านเหมือนกัน) เป็นสัตว์ในตระกูลเดียวกับกริฟฟิน หรือ กริฟฟอน ถิ่นอาศัยของมันอยู่ในแถบคาบสมุทรบริเวณเทือกเขา Phiphaean ซึ่งเจ้าฮิปโปกริฟนี้เป็นสัตว์ลูกครึ่ง (แน่ะ ทันสมัยด้วย) ระหว่างกริฟฟินตัวผู้ กับม้าตัวเมีย ดังนั้น ฮิปโปกริฟจึงมีหัว ปีก และขาหน้าเป็นกริฟฟิน แต่ช่วงท้ายลงไปเป็นม้า
ฮิปโปกริฟเป็นสัตว์ที่ตัวใหญ่และทรงพลังมาก มันสามารถเคลื่อนไหวด้วยความเร็วเหนือแสง อีกทั้งมนุษย์ยังสามารถนำมันมาฝึกให้เชื่องได้ด้วย โดยใช้เป็นหน่วยลาดตระเวนตามภูเขาสูง ทั้งนี้มีเรื่องราวของฮิปโปกริฟปรากฎอยู่ตำนานในเรื่อง ' Legend of Charlemagne as a mount for some of the knights'
นอกจากนี้ฮิปโปกริฟยังเป็นสัญลักษณ์ของสิ่งเหลือเชื่อและความรักที่เป็นไปไม่ได้ เพราะโดยธรรมชาติแล้วตัวกริฟฟินชอบกินม้า ดังนั้นม้ากับกริฟฟินก็ต้องเป็นศัตรูกัน แต่มันดันมีลูกออกมาเป็นตัวฮิปโปกริฟ (แสดงว่ากริฟฟินตัวนั้นเห็นสาวดีกว่าของกิน น่าจะจัดอยู่ในประเภทกริฟฟินขี้หลี) ในช่วงยุคมืดของยุโรปมีสำนวนว่า 'Jungentur jam grypes equis' แปลว่า 'เมื่อกริฟฟินแต่งงานกับม้า' ถ้าแปลเป็นไทยก็ต้องบอกว่า 'รักพันลึก' ล่ะ
credit : BeelzeBufo
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น