Welcome to Pangpond's Blog

Welcome to Pangpond's Blog

วันเสาร์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2553

• เรดแคพ ( Redcap )

เรดแคพ ( Redcap )



                 แปลตามตรงก็ต้องบอกได้ว่าเป็นผีหมวกแดง เพราะ Red แปลว่าแดง และ Cap ก็แปลว่าหมวกหรือสิ่งปกคลุมดังนั้น เมื่อเอามารวมกันก้ต้องแปลว่าไอ้หมวกแดงหรืออะไรทำนองนั้น นิยายเรื่องผีเรดแคพนี้การเล่าขานกันหนาหูในแถบชายแดนของสก็อตแลนด์กันไปทั่ว

                 เรดแคพนี้ตามตำนานบอกว่ามันมีหมวกสีแดงฉานก็เพราะมันเอาเลือดของเหยื่อมาย้อมสีหมวกของมันจนเป็นสีแดงจัด และเมื่อมันจะตรงเข้าไปเล่นงานใครก็ตาม เหยื่อของมันมักจะได้ยินเสียงย่ำเท้าหนัก ๆ ของมันขณะที่เดินตรงเข้าไปหากันทุกรายไป


                 ทำไมรึ...อ้าว ก็เท้าที่สวมบู๊ตเหล็กของมันนั่นแหละที่เป็นตัวการสร้างเสียงให้ใคร ๆ ได้ยิน เมื่อเป็นดังนั้นก็จะได้รีบเผ่นซะก่อนถ้ายังมีโอกาส เขาว่ากันอย่างนั้น


credit : BeelzeBufo

• พิกซี ( Pixie )

พิกซี ( Pixie )



                      พิกซี (pixie หรือ pisky) หนึ่งในเชื้อสายเผ่าพันธ์แฟรี่ มีลักษณะเป็นภูตตัวเล็กๆ มีปีกแบบแมลง สูงไม่เกิน1ฟุต(ตามปกติ) และสามารถขยายหรือลดขนาดของตัวเองได้



credit :  BeelzeBufo

• ซัลลี่ ( Sully )

ซัลลี่ ( Sully )



                ตัวซัลลี่นี้เป็นอสุรกายที่มีขนดกสีน้ำเงินสลับม่วงตามตำนานเก่าแก่บอกว่า มันมีสารรูปคล้ายหมีที่มีเขา และมักจะข้ามมิติจากเมืองอสุรกายมาหลอกเด็กโดยผ่านมาทางประตูตู้เสื้อผ้า แนนอนว่าไอ้ตัวนี้เป็นตัวหนึ่งที่เด็ก ๆ กลัวกันนักหนา 

                สำหรับแหล่งกบดานก็แน่นอนว่าต้องเป็นตู้เสื้อผ้าในห้องนอนถ้าจะหลีกเลี่ยงมันก็ต้องนอนเปิดไฟตลอดเวลา



credit : BeelzeBufo

• ฮิปโปกริฟฟ์ ( Hippogriff )

ฮิปโปกริฟฟ์ ( Hippogriff )





                   ฮิปโปกริฟฟ์ (Hippogriff) เป็นสัตว์ครึ่งกริฟฟินครึ่งม้า หัว ปีก ขาหน้า และ เล็บเหมือนเหยี่ยวลำตัว และ ขาหลังเป็นม้า ( กริฟฟินเองเป็นสัตว์ลูกผสมระหว่าง อินทรี กับ สิงโต ) ความสามารถของฮิปโปกริฟฟ์ คือ บินระยะทางไกลที่ระดับสูงๆ ในภาษาเปอร์เซียนเรียกมันว่า simoorgh หรือ simurgh หรือ senmurv ซึ่งมีลักษณะผสมระหว่าง สุนัข หรือ สิงโต และ นกตัวใหญ่
                   โดยธรรมชาติกริฟฟิน และ ม้าเป็นศัตรูกัน ฮิปโปกริฟฟ์ซึ่งเป็นลุกผสมระหว่างสัตว์ทั้งสองจึงเป็นสัญลักษณ์ของการทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้ มีสำนวนโบราณเกี่ยวกับฮิปโปกริฟกล่าวว่า ข้ามหลังกริฟฟอนด้วยม้า ซึ่งหมายถึง ภารกิจที่ไม่น่าเป็นไปได้ 



                   ฮิปโปกริฟ  เป็นสัตว์วิเศษตัวหนึ่งที่หลายคนเริ่มรู้จักเจ้าสัตว์ตัวนี้จากแฮร์รี่ พอตเตอร์ ตอน นักโทษแห่งอัซคาบัน ซึ่งมันได้รับบทบาทเป็นเจ้าบักกี้ (บัคบีค) ที่แสนน่ารักของแฮกริดนั่นเอง จากภาพบนหน้าปกของหนังสือและภาพเคลื่อนไหวจากจอภาพยนตร์ทำให้เราทราบอย่างคร่าวๆ แล้วว่า ฮิปโปกริฟคือสัตว์ที่มีตัวเป็นม้าและมีหัวเป็นนกอินทรี แต่คราวนี้แหละ จะนำเจ้าฮิปโปกริฟมาทำความรู้จักกับบรรดาผู้ที่รักและชื่นชอบสัตว์วิเศษให้ได้รู้จักกัน
                   ฮิปโปกริฟ  หรือที่เขียนเป็นภาษาอังกฤษว่า Hippogriff หรือ Hippogryph  (อ่านเหมือนกัน)  เป็นสัตว์ในตระกูลเดียวกับกริฟฟิน หรือ กริฟฟอน ถิ่นอาศัยของมันอยู่ในแถบคาบสมุทรบริเวณเทือกเขา Phiphaean  ซึ่งเจ้าฮิปโปกริฟนี้เป็นสัตว์ลูกครึ่ง (แน่ะ ทันสมัยด้วย) ระหว่างกริฟฟินตัวผู้  กับม้าตัวเมีย  ดังนั้น ฮิปโปกริฟจึงมีหัว  ปีก  และขาหน้าเป็นกริฟฟิน แต่ช่วงท้ายลงไปเป็นม้า




                   ฮิปโปกริฟเป็นสัตว์ที่ตัวใหญ่และทรงพลังมาก มันสามารถเคลื่อนไหวด้วยความเร็วเหนือแสง  อีกทั้งมนุษย์ยังสามารถนำมันมาฝึกให้เชื่องได้ด้วย โดยใช้เป็นหน่วยลาดตระเวนตามภูเขาสูง ทั้งนี้มีเรื่องราวของฮิปโปกริฟปรากฎอยู่ตำนานในเรื่อง ' Legend of Charlemagne as a mount for some of the knights'
                   นอกจากนี้ฮิปโปกริฟยังเป็นสัญลักษณ์ของสิ่งเหลือเชื่อและความรักที่เป็นไปไม่ได้   เพราะโดยธรรมชาติแล้วตัวกริฟฟินชอบกินม้า ดังนั้นม้ากับกริฟฟินก็ต้องเป็นศัตรูกัน แต่มันดันมีลูกออกมาเป็นตัวฮิปโปกริฟ (แสดงว่ากริฟฟินตัวนั้นเห็นสาวดีกว่าของกิน   น่าจะจัดอยู่ในประเภทกริฟฟินขี้หลี)  ในช่วงยุคมืดของยุโรปมีสำนวนว่า 'Jungentur jam grypes equis' แปลว่า 'เมื่อกริฟฟินแต่งงานกับม้า'  ถ้าแปลเป็นไทยก็ต้องบอกว่า  'รักพันลึก' ล่ะ



credit : BeelzeBufo

• เคลปี้ ( Kelpie )

เคลปี้ ( Kelpie )



                     เคลปี้ (Kelpie) ปีศาจจำพวกพรายน้ำในนิทานพื้นบ้านของสกอตแลนด์ มีลักษณะเป็นม้าสีขาวหรือกึ่งคนกึ่งม้า สิงสถิตย์อยู่ยังแม่น้ำ ทะเลสาบ หรือ หนองน้ำ แหล่งน้ำจืดขนาดใหญ่
                     เคลปี้จะล่อลวงคนที่หยุดพักที่ริมน้ำที่มันอาศัยอยู่ ขณะที่หยุดพักดื่มน้ำ มันจะปรากฏตัวเป็นม้าสีขาวที่สงบเสงี่ยม แต่เมื่อขึ้นขี่หลังมัน มันจะพาดำดิ่งสู่ก้นน้ำทันที จนบุคคลนั้นตายด้วยการจมน้ำ




                     เคลปี้ยังมีชื่อเรียกอื่น ๆ ตามท้องถิ่นต่าง ๆ เช่น นักเกิล (Nuggle) ชูปิลตี้ (Shoopiltee) โยเกิล (Njogel) แทงกี้ (Tangi) ในตำนานสแกนดิเนเวียเรียกว่า Bäckahästen (แปลว่า ม้าลำธาร) ในนอร์เวย์เรียก nøkken (หมายถึง พรายน้ำ)



credit : BeelzeBufo

• ก๊อบลิน ( Goblin )

ก๊อบลิน ( Goblin )




                         ก็อบลิน (Goblin) คือเป็นพวกโนมที่มีรูปร่างวิกลวิการ พวกมันชอบเล่นสนุก แต่บางครั้งก็ชั่วร้ายและเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมสามารถทำอันตรายแก่ผู้คน รอยยิ้มของก็อบลินทำให้เลือดหยุดไหล เสียงหัวเราะทำให้นมบูดและผลไม้หล่น ก็อบลินมีต้นกำเนิดมาจากฝรั่งเศส


ก็อบลิน ( ตัวแสบในเทพนิยายตะวันออก)

                         ในหนังสือ"สัตว์มหัศจรรย์ และถิ่นที่อยู่ "เขียนโดยนิวท์ สคามันเดอร์ บอกไว้ว่าในยุคแรก มีการจำแนกแบบหยาบๆไว้ว่า "สิ่งมีชีวิตที่ไม่ถือเป็นสัตว์แต่เป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูง คือพวกที่เดิน 2เท้า" แต่ปรากฏว่าพวกที่เดิน2เท้ามีมากมายเช่น พิกซี่ โทรลล์ ฯลฯ แต่พวกนี้ไม่มีสติปัญญาพอที่จะสื่อสารหรือเข้าใจภาษาพูดได้

                         ดังนั้น ค.ศ.1811 โกรแนน สตัมป์ รัฐมนตรีกระทรวงเวทมนตร์จึงบัญญัติว่า "สิ่งมีชีวิตชั้นสูง"คือ สิ่งมีชีวิตใดๆที่มีความเฉลียวฉลาดพอที่จะเข้าใจกฎหมายของโลกเวทมนตร์ และมีส่วนในการกำหนดตัวบทกฏหมายเหล่านั้นได้" ก็อบลินก็เป็นส่วนหนึ่งในนั้นเช่นกัน และก็อบลินยังฉลาด มีความสามารถในการ ดูแลธนาคารกริงกอตส์ ถ้าไม่จัดให้เขาเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูง สถาบันการเงินของโลกเวทมนตร์มีอันต้องวุ่นแน่ๆ





                         ก็อบลินไม่ใช่คนแล้วก็ไม่ใช่สัตว์ด้วย (ถึงไม่มีอยูในหนังสือสัตว์มหัศจรรย์ และถิ่นที่อยู่) แต่จัดเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูง(ตามที่กระทรวงกำหนด)มีรูปร่างเหมือนมนุษย์ แคระ มีนิ้วมือ นิ้วเท้าที่ยาวมาก มีลักษณะนิสัยขี้เล่น แต่ดุร้ายบางครั้ง-หลายครั้ง เล่ห์เลี่ยมจัดจนเป็นอันตรายต่อมนุษย์เป็นอย่างมาก

                         รอยยิ้มของก็อบลินน่ากลัวจนอาจทำให้เลือดแข็งตัวได้ง่ายๆ เสียงหัวเราะของก็อบลินสามารถทำให้นมบูด และทำให้ผลไม้ที่ยังไม่สุกหลุดร่วงจากต้นได้ พวกมันชอบก่อกวนมนุษย์ด้วยวิธีมากมาย เช่นเอาของเล็กๆไปซ่อน คว่ำแก้วนม และแกล้งเปลี่ยนป้ายบอกตามทางเพื่อให้คนหลงทางเล่นๆ




                          ชาวตะวันตกเชื่อว่า ก็อบลินมีต้นกำเนิดอยู่ในประเทศฝรั่งเศส มักอาศัยอยู่ตามรอยแตกของหินในเทือกเขาปิเรเน่ และแพร่พันธุ์ได้อย่างรวดเร็วไปทั่วยุโรปพวกมันไม่สร้างที่พักอาศัยเป็น เรื่องเป็นราวแต่จะอยู่ตามซอกหินที่มีพืชชั้นต่ำจำพวกมอสส์ และตะไคร่น้ำ หรือไม่ก็อยู่ตามรากของไม้ยืนต้นที่มีอายุมาช้านาน และย้ายที่อยู่ไปเรื่อยๆ แต่ก็ยังมีที่มาทำงานที่ธนาคารกริงกอตส์



credit : BeelzeBufo

• เพกาซัส ( Pegasus )

เพกาซัส ( Pegasus )





              เพกาซัส (Pegasus, เปกาซอส หมายถึง แข็งแรง) เป็นสัตว์ในเทพนิยายกรีก เป็นม้าร่างกำยำพ่วงพีสีขาวบริสุทธิ์ และมีปีกอันกว้างสง่างามเหมือนนกพิราบ 
             เพกาซัสเกิดมาจากนางกอร์กอน เมดูซ่า ถูกวีรบุรุษเพอร์ซีอุสฟันคอขาดตาย ในขณะที่นางสิ้นใจตายนั้น เพกาซัสก็กระโจนออกมาจากลำคอของนาง ไม่มีใครสามารถปราบเพกาซัสได้เลยซักคน ตอนที่มันเกิดมาใหม่ ๆ และออกวิ่งอย่างคึกคะนองนั้น น้ำที่กระเซ็นจากรอยเท้าที่มันวิ่งก่อให้เกิดน้ำพุสวยงาม คือน้ำพุพีเรเนียน (Pyrenean spring)

             เพกาซัสโดนปราบโดยเด็กหนุ่มรูปงามชาวเมืองโครินทร์มีนามว่า "เบลเลอโรฟอน" (Bellerophon) เบลเลอโรฟอนเป็นโอรสของเจ้าเมืองโครินทร์ที่มีนามว่า พระเจ้ากลอคุส (Glaucus) ซึ่งต่อมาเบลเลอโรฟอนได้ขี่เพกาซัสปราบไคเมร่า


            เพกาซัส (Pegasus) มีลักษณะเป็นม้าที่ลำตัวสีขาวสะอาด มีปีกขนาดใหญ่เหมือนนกสีขาว แต่ก็มีบางทีก็มีคนวาดให้ปีกของเพกาซัสเป็นสีทอง เพกาซัสเป็นม้าที่มีความฉลาดปราดเปรื่อง เป็นเครื่องหมายแห่งความบริสุทธิ์ ความสว่าง พลังแห่งดวงอาทิตย์ และแน่นนอนว่าเป็นพาหนะของพวกพระเอกเท่านั้น ! นอกจากนี้ความหมายของชื่อเพกาซัสยังมีความหมายว่า 'springs of ocean' ซึ่งแปลว่าผู้เกิดมาจากน้ำ (ภาษาไทยก็มีนะ แต่เป็นผู้หญิงอ่ะ หากใครรู้จักตำนานการกวนเกษียรสมุทรเพื่อทำน้ำทิพย์จะรู้ว่ามีสิ่งวิเศษที่ผุดออกมาจากฟองคลื่น หนึ่งในนั้นคือพระลักษมีซึ่งต่อมากลายเป็นพระชายาของพระนารายณ์ และนอกจากนั้นก็มีมีพวกนางอัปสรทั้งหลายผุดขึ้นมาจากน้ำอีกด้วย เพราะฉะนั้น คำว่า "อัปสร" "อัปสรา" และ "อัจฉรา" ที่หมายถึงนางฟ้า จึงมีความหมายดั้งเดิม คือ "ผู้ที่เกิดมาจากน้ำ" เหมือนกัน) ความสามารถของเพกาซัสคือ ความไว การสร้างน้ำพุ และยังแข็งแรงขนาดที่ฝ่าพายุขนาดบินอยู่บนท้องฟ้าได้อย่างสบายๆ 



ตำนานการเกิดของเพกาซัสมีอยู่หลายตำนาน แต่ที่เป็นหลักๆ มีอยู่ 2 เรื่อง คือ





            1. ตำนานที่กล่าวว่าเพกาซัสเป็นบุตรของเทพโพเซดอน (Poseidon) กับนางเมดูซ่า (Medusa) ซึ่งในขณะที่โพเซดอนลอบเข้าหานางเมดูซ่าได้แปลงกายอยู่ในลักษณะของม้า จึงทำให้ลูกที่เกิดมาเป็นม้าด้วย !

 
            2. ตำนานที่กล่าวว่าเพกาซัสเกิดจากหยดเลือดของนางเมดูซ่าขณะที่เพอซุส (Perseus) [จะอ่านว่า เพอซุส หรือ เพอซิอุสก็ได้ ตามความถนัด ] ตัดหัวนางออกมา







credit : BeelzeBufo


• ยูนิคอร์น ( Unicorn )

ยูนิคอร์น ( Unicorn )




                    คำว่า unicorn นั้นมาจากภาษาละตินดังนี้ unus = หนึ่ง และ cornu = เขา เมื่อรวมกันจึงมีความหมายว่า unicorn หรือ "สัตว์ที่มีเขาเดียว"
                  

                    ยูนิคอร์น (Unicorn) เป็นสัตว์ในตำนาน เชื่อว่าพบได้ตามป่าทางตอนเหนือของยุโรป ตัวโตเต็มที่มีลักษณะเป็นม้าสีขาวบริสุทธิ์ สง่างาม มีเขาหนึ่งเขาที่กลางหน้าผาก (โดยมากเขาจะเป็นเกลียวด้วย) ลูกยูนิคอร์นเเรกเกิดมีขนสีทอง เเละจะเปลี่ยนเป็นสีเงินก่อนที่จะโตเต็มวัย เขา เลือด เเละขนของยูนิคอร์นมีคุณสมบัติทางเวทมนตร์สูง

                    โดยทั่วไปยูนิคอร์นจะหลีกเลี่ยงการข้องเเวะกับมนุษย์ เเละจะยอมให้เเม่มดเข้าใกล้มากกว่าพ่อมด นอกจากนั้น ยูนิคอร์นยังวิ่งได้เร็วมาก จึงยากที่จะจับตัวได้ ในโลกตะวันตก ยูนิคอร์นถือเป็นสัตว์ที่มีความดุร้ายและรักความสันโดษ เรื่องเล่าของยุโรประบุว่าการจับยูนิคอร์นนั้นต้องใช้สาวพรหมจรรย์เป็นผู้ จับยูนิคอร์น ซึ่งยูนิคอร์นจะลืมสัญชาตญาณป่าเถื่อนและเชื่องราวกับเป็นม้าธรรมดา แต่ในประเทศจีนยูนิคอร์นเป็นสัตว์ที่มีความสุภาพ อ่อนโยน รักสงบ


                   การกล่าวถึงยูนิคอร์นในโลกตะวันตก มีขึ้นครั้งแรกในหนังสือของอินเดีย ซึ่งเขียนโดยนักประวัติศาสตร์ชาวกรีก เมื่อประมาณ พ.ศ. 14 บรรยายไว้ตอนหนึ่งว่า "ในประเทศอินเดีย มีลาป่าชนิดหนึ่ง มีขนาดใหญ่เท่า ๆ กับม้า ลำตัวของพวกมันมีสีขาว ศีรษะมีสีแดงเข้ม และมีดวงตาสีน้ำเงิน พวกมันมีเขาอยู่บนหน้าผากเขาหนึ่ง ซึ่งมีความยาวประมาณครึ่งเมตร" กล่าวกันว่า ยูนิคอร์นเป็นสัตว์ผสมระหว่างแรด ละมั่งหิมาลัย และลาป่า เขาของมันมีความแหลมคมมาก โดยมีพื้นสีขาวตรงกลางสีดำ และตรงยอดเป็นสีแดงเลือดหมู 


ลักษณะโดยทั่วไปของยูนิคอร์น

                   ยูนิคอร์นมีลักษณะลำตัวเป็นม้าที่มีเขาแหลมงอกอยู่บนหัว (บริเวณหน้าผาก) 1 อัน ซึ่งจะไม่มีปีก (ถ้ามีปีกจะไม่มีเขาเรียกว่าเพกาซัส ซึ่งเชื่อกันว่าเพกาซัสเกิดจากหยดเลือด ของนางอสูรเมดูซ่าตอนที่เพอร์ซิอุสตัดคอนางออกมา) ซึ่งขาหลังของยูนิคอร์นจะ มีลักษณะคล้ายกับขาของแอนติลอป (เป็นตระกูลเดียวกับเก้งหรือกวางในแถบแอฟริกา) ลำตัวสีขาวบริสุทธิ และมีหางคล้ายหางของสิงโต ดวงตามีสีฟ้าใส หรือสีม่วง เข้ม กีบเป็นสีเดียวกับดวงตาและว่ากันว่าไม่มีใครเคยเห็นรอยเท้าของยูนิคอร์นแม้แต่ในหนองน้ำที่เต็มไปด้วยโคลน (วิชาตัวเบาลำเลิศ) เนื่องจากตัวของมันมีน้ำหนักเบามาก ที่อยู่ของยูนิคอร์นมักจะอาศัยอยู่ในป่า ที่มีความเงียบสงบ ห่างไกลจากมนุษย์และปีศาจ

                  ยูนิคอร์นมีอายุยืนหลายร้อยปีทีเดียว และเชื่อกันว่าไม่มีปีศาจตัวใดที่จะ สามารถสัมผัสตัวของยูนิคอร์นได้เลย มีตำนานเล่าว่าชาวเผ่าเอลฟ์ถือว่ายูนิ คอร์นเป็นสัญลักษณ์แห่งเทพฟัวรอส (Foiros) เทพแห่งดวงอาทิตย์ ซึ่งมีความหมายถึงความสง่างามและความบริสุทธิของดวงอาทิตย์




ตำนานการไล่ล่ายูนิคอร์นตามตำนานเก่าแก่ของยุโรป


                       ยูนิคอร์ในเทพนิยายโบราณของยุโรปมีลักษณะคล้ายกับแพะ มีเท้าเป็นกีบ มีหาง เป็นสิงโต และเขาที่มีลักษณะเป็นเกลียวตรงหน้าผาก ซึ่งเขาของยูนิคอร์นเชื่อ กันว่าเป็นตัวยาชั้นดี ซึ่งขุนนางและผู้มั่งมีทั้งหลายต่างเสาะหามาไว้ใน ครอบครอง

                        ในตำนานเก่าแก่ของยุโรปกล่าวว่ามีเพียงหญิงพรหมจรรย์เท่านั้นที่จะสยบยูนิ คอร์นได้ (ถ้าคนทั่วไปคิดจะจับล่ะก็อย่าหวัง เพราะยูนิคอร์นเคลื่อนไหวคล่อง แคล่วและรวดเร็วเหมือนสายลมพัด) มีตำนานเล่าว่า ขณะที่หญิงสาวคนหนึ่งกำลังนั่งเล่นอยู่ในป่า ก็มียูนิคอร์นตัวหนึ่งเข้ามา ใกล้ๆ ตัวหล่อนด้วยอาการที่แสนเชื่อง แล้วมันก็ซบหัวลงหนุนนอนบนตักของเธอราวกับ เด็กๆ ที่ไร้เดียงสา (ม้าอะไรไม่รู้ขี้หลีชะมัด) และนี่ก็ถือเป็นจุดอ่อนที่สำคัญ ของยูนิคอร์นเลยก็ว่าได้ ซึ่งนำไปสู่ตำนานการไล่ล่ายูคอร์น แล้วสาเหตุของ การล่ายูนิคอร์นก็มาจากเขาที่เป็นตัวยาที่มีสรรพคุณอันแสนวิเศษและถอนพิษได้ ชะงัดนัก ดังนั้นเขาของมันจึงกลายเป็นสิ่งที่มีมูลค่ามหาศาลทั้งผู้ที่อยาก ได้มาครอบครอบตลอดจนถึงผู้ที่มีความละโมบทั้งหลาย ว่ากันว่า ผู้คนที่มีใจ ละโมบได้ใช้หญิงสาวพรหมจรรย์เป็นกับดักล่อยูนิคอร์น ซึ่งป่าที่อยู่นิคอร์นอาศัยอยู่นั้นเรียกว่า “ป่าแห่งกษัตริย์” ยูนิคอร์นซึ่งรับรู้ได้ว่าเธอคนนั้นเป็นสาวพรหมจรรย์ (ไม่รู้ว่ารู้ได้ยังไงนะว่าบริสุทธิไม่บริสุทธิ เก่งจริงๆ ถ้ายูนิคอร์นมา เจอสาวยุคนี้ มีหวังเผ่นกระเจิง อิอิ) ก็เดินตรงเข้ามาด้วยท่าทีที่แสนเชื่องแล้วมันก็เอาหัวนอนหนุนตักเจ้าหล่อน เช่นเคย แล้วจังหวะนี้เองที่พวกคนล่าเขายูนิคอร์นก็เข้ามาตัดเขาของมัน ไป จากนั้นยูนิคอร์นก็ต้องจบชีวิตลง เพราะถ้าไม่มีเขามันก็จะตาย







credit : BeelzeBufo

• ฟีนิกส์ ( Pheonix )

ฟีนิกส์ ( Pheonix )




                  ฟีนิกส์ (Pheonix) เป็นสิ่งมีชีวิตที่คล้ายนกปรากฏในตำนานของหลายๆชาติในลักษณะที่คล้ายกันแต่แตกต่างกันในบางรายละเอียด ชื่อนี้ได้ระบุขึ้นในตำนานของพวกอียิปต์โบราณก่อนในฐานะของสัตว์เทพในตำนานซึ่งคู่ควรแก่การบูชา ยกย่อง เคารพ เกี่ยวข้องกับเทพแห่งไฟ ดังนั้นจะสังเกตได้ว่าขนนกของฟีนิกส์นั้นจะออกเป็นประกายเหลืองทองคล้ายเปลวไฟ บ้างก็ว่าปกคลุมด้วยเปลวไฟทั้งตัวทีเดียว 
         ขนาดของนกฟีนิกส์นี้จะมีขนาดเท่านกอินทรีย์ตัวโต จงอยปากและส่วนขาเป็นสีทองประกาย ขนสีแดงถึงเหลืองทอง มีเสียงร้องที่ไพเราะดังเสียงดนตรี เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีอายุเป็นอมตะ รูปร่างสวยสง่างาม บางครั้งหยิ่งผยอง บางครั้งเปี่ยมด้วยความเป็นมิตร

              บางตำนานเล่าว่านกนี้สามารถฟื้นชีวิตให้กับผู้ตายได้ และสามารถฟื้นพลังทั้งหมดให้กลับสู่ปกติได้ เนื่องจากเป็นสัตว์เวทย์ตัวหนึ่งภายใต้เทพแห่งไฟบางครั้งจะพบว่าสามารถใช้มนตร์ไฟได้   นกฟีนิกซ์นี้เป็นสัญลักษณ์แห่งความเป็นอมตะ มีชีวิตยั่งยืนนิรันดร์ เพราะมันสามารถฟื้นคืนชีพได้ เมื่อร่างกายสิ้นอายุขัย (500 ปีหรือ 1461 ปี) ตัวจะลุกเป็นไฟ จากนั้นฟีนิกซ์ก็จะฟื้นจากกองขี้เถ้ามาเป็นลูกนกใหม่


ฟีนิกซ์ของกรีกโบราณ


            ฟีนิกซ์  ปรากฏ ตำนานของพวกอียิปต์โบราณ ในฐานะของสัตว์เทพในตำนานซึ่งคู่ควรแก่การบูชา ยกย่อง เคารพ ฟีนิกซ์เกี่ยวข้องกับเทพแห่งไฟ ดังนั้นจะสังเกตได้ว่า ขนนกของฟีนิกซ์นั้นจะออกเป็นประกายเหลืองทองคล้ายเปลวไฟ บ้างก็ว่าปกคลุมด้วยเปลวไฟทั้งตัวทีเดียว

ความคล้ายคลึงกับตำนานจีน




                   จะไปคล้ายกับนกหงส์ของตำนานจีน ที่เชื่อว่าคู่กับมังกร อีกอย่างคือนกหงส์ของจีนมีลักษณะคล้ายนกฟีนิกซ์มากจนคิดว่าน่าจะเป็นตัวเดียวกัน แต่แยกออกไปตามความเชื่อของแต่ละท้องถิ่น

เรื่องในภาพยนตร์


                       
                    นกฟีนิกซ์ เป็นตัวละครสำคัญตัวหนึ่งในเรื่องแฮรี่ พอตเตอร ในภาคที่ 2 (ห้องแห่งความลับ) และภาคที่ 5 (ภาคีนกฟีนิกซ์) และเป็นชุดคลอธของอิคคิ ในการ์ตูนเรื่องเซนต์เซย่า



credit :  BeelzeBufo

• introduction

Animals  in  mythology





เรื่องราวของสัตว์ในเทพนิยาย หรือสัตว์ในตำนาน เคยมีอยู่จริงหรอ ?
หรือมันอาจจะเป็นเพียงแค่จินตนาการของแต่ละบุคคล


ข้อสันนิษฐานของแต่ละบุคคลอาจจะยังไม่ได้รับคำตอบอะไร
แต่จะมีเพียงข้อมูงบางส่วน ให้เราได้พิสูจน์ว่ามันเป็นความจริง
หรือเรื่องราวทั้งหมด เราก็อาจจะพิสูจน์ไม่ได้ ..





พังพอน =)